ตราสัญลักษณ์
1. ด้านกายภาพ
1.1 ที่ตั้งของหมู่บ้านหรือตำบล
           เทศบาลตำบลสันทราย ตั้งอยู่บนถนนเส้นทางการคมนาคมสายพหลโยธิน ตั้งอยู่นอกเขตเทศบาลนครเชียงราย ระยะทางห่างไกลจากตัวอำเภอเมืองเชียงรายราว 5 กิโลเมตร โดยหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากอำเภอที่สุดระยะทาง 14 กิโลเมตร เนื้อที่มีพื้นที่ถือครองสิทธิ์ทั้งสิ้น 18.48 ตารางกิโลเมตร
1.2 ลักษณะภูมิประเทศ/อาณาเขต
           ตำบลสันทรายมีสภาพพื้นที่ทั่วไปเป็นที่ราบ มีแม่น้ำแม่กรณ์และแม่น้ำลาวไหลผ่านและประชากรส่วนใหญ่ตั้งบ้านเรือนเรียงรายริมฝั่งถนนพหลโยธินและฝั่งแม่น้ำลาว แม่น้ำกรณ์ มีอาณาเขตติดต่อกับตำบลต่าง ๆ ดังนี้
ทิศเหนือ             ติดต่อกับตำบลรอบเวียง  อำเภอเมืองเชียงราย
ทิศใต้                  ติดต่อกับตำบลป่าอ้อดอนชัย  อำเภอเมืองเชียงราย
ทิศตะวันออก     ติดต่อกับตำบลท่าสาย  อำเภอเมืองเชียงราย
ทิศตะวันตก       ติดต่อกับตำบลป่าอ้อดอนชัย อำเภอเมืองเชียงราย
1.3 ลักษณะภูมิอากาศ
           เทศบาลตำบลสันทราย มีอุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปี ต่ำสุดเฉลี่ย 19.28 องศาเซลเซียส สูงสุดเฉลี่ย ประมาณ 31.11 องศาเซลเซียส 
ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-กลางเดือนพฤษภาคม อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 18.43 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 33.25 องศาเซลเซียส
ฤดูฝน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กลางเดือนตุลาคม อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.82 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 31.14 องศาเซลเซียส
ฤดูหนาว เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน - กุมภาพันธ์ อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 14.53 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 28.20 องศาเซลเซียส
และมีปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยปีละ 140.88 มิลลิเมตร
1.4 ลักษณะของดิน
           ดินในพื้นที่เทศบาลตำบลสันทราย ประกอบด้วยดิน 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ บริเวณที่ราบเป็นดิน ที่เกิดบนลานตะพักลำน้ำระดับต่างๆ และบริเวณภูเขาและที่สูงชันเป็นดินเกิดบนภูเขาและที่ลาดชันดินเกิดบนลานตะพักลำน้ำระดับต่าง ๆ ประกอบด้วยดินหลายชนิด เป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำถึงดีหรือดีปานกลางเนื้อดินร่วมจนถึงดินเหนียว มีการระบายน้ำดีจนถึงเลวปกติ ใช้ในการทำนาดินบนภูเขาและที่ชันมีทั้งดินลึกและดินตื้น บางแห่งมีก้อนกรวดและก้อนหินปะปนในเนื้อดินหรือกระจัดกระจายไปตามผิวดิน ลักษณะเนื้อดินสีของดินและปฏิกิริยาดินแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิดของหินต้นกำเนิดโดยทั่วไปมักมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ข้อจำกัดในการใช้ดินที่สำคัญของพื้นที่คือ ความลาดชันและการเสี่ยงต่อกษัยการ (Erosion) ที่จะเกิดขึ้น พื้นที่นี้ยังเป็นป่าอยู่มาก สมควรเก็บไว้เป็นป่ารักษาต้นน้ำ ลำธาร
1.5 ลักษณะของแหล่งน้ำ
           ลำน้ำ/แม่น้ำ : แม่น้ำแม่กรณ์และแม่น้ำลาว ไหลผ่านซึ่งเหมาะแก่การทำการเกษตรของเกษตรกรตำบลสันทราย
           หนองน้ำ : หนองไฮ บริเวณพื้นที่หมู่ที่ 9 บ้านใหม่ทรายทอง , หนองน้ำสาธารณะ พื้นที่หมู่ที่ 9 บ้านป่าข่า , หนองผักจิก พื้นที่หมู่ที่ 3 บ้านโป่งสลี
1.6 ลักษณะของไม้และป่าไม้
           เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2499 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประกาศกฎกระทรวงฉบับที่ 9 ( พ.ศ. 2499 ) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองและสงวนป่า พุทธศักราช 2481 ราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 73 ตอนที่ 71 ลงวันที่ 4 กันยายน 2499 ให้ป่าโป่งสลี ท้องที่ตำบลสันทราย อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย เป็นป่าสงวนแห่งชาติ เนื่องจากป่าแห่งนี้มีไม้ชนิดมีค่าเป็นปริมาณมาก เช่น ไม้สัก เหมาะที่จะสงวนไว้เพื่อประโยชน์แห่งรัฐและประชาชน
           ต่อมาปี พ.ศ. 2518 ป่าไม้เขตเชียงรายได้พิจารณาเห็นว่าป่าสงวนฯ แห่งนี้เป็นป่าธรรมชาติแห่งเดียวที่มีสภาพป่าสมบูรณ์ มีไม้สักขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก โดยมีพื้นที่ 668.75 ไร่ ซึ่งเป็นไม้ชนิดดีมีค่าหายากจึงควรอนุรักษ์ไว้ และป่าแห่งนี้อยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงราย การคมนาคมสะดวก น่าจะได้รับการปรับปรุงเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและพักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ดังนั้น สำนักงานป่าไม้เขตเชียงราย จึงขออนุมัติกรมป่าไม้เพื่อจัดตั้งป่าสงวนแห่งชาติป่าโป่งสลีเป็นสวนรุกขชาติ และใช้ชื่อว่า "สวนรุกขชาติโป่งสลี" โดยใช้ที่ทำการป่าไม้แขวงที่ 4 เป็นที่ทำการและมีเจ้าหน้าที่ปรับปรุงดูแลรักษาตลอดมา
2. ด้านการเมือง/การปกครอง
2.1 เขตการปกครอง
           ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ได้รับการยกฐานะเป็นเทศบาลตำบล ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ.2496 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2554 มีหมู่บ้านอยู่ในเขตการปกครอง 12 หมู่บ้านซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่ในเทศบาลตำบลทั้งสิ้น  ดังนี้
           หมู่ที่ 1 บ้านสันทรายหลวง
           หมู่ที่ 2 บ้านสันทรายน้อย
           หมู่ที่ 3 บ้านโป่งสลี
           หมู่ที่ 4 บ้านป่าตึง
           หมู่ที่ 5 บ้านร่องก๊อ
           หมู่ที่ 6 บ้านป่ากล้วย
           หมู่ที่ 7 บ้านป่าย้าง
           หมู่ที่ 8 บ้านป่าข่า
           หมู่ที่ 9 บ้านใหม่ทรายทอง
           หมู่ที่ 10 บ้านใหม่สันติสุข
           หมู่ที่ 11 บ้านป่ากล้วยเหนือ
           หมู่ที่ 12 บ้านสันทรายเหนือ
           วัฒนธรรมของชุมชนเป็นวิถีชีวิตสืบทอดผูกพัน กันมาอย่างยาวนาน ควรค่าแก่การสืบทอด ศึกษาเรียนรู้สู่คนรุ่นใหม่ต่อไป ตำบลสันทราย อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย เป็นชุมชนเก่าแก่ดั้งเดิมของเมืองเชียงรายที่บันทึกไว้เป็นประวัติของวัดสันทรายหลวง ว่ามีคนกลุ่มแรกที่เข้ามาอยู่ อพยพมาจากบ้านเมืองรัง เมืองเชียงใหม่ เมื่อปี พ.ศ. 2347 เมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุลาโลก ได้มอบหมายให้กรมหลวงเทพหริรักษ์ และเจ้าพระยายมราช ขึ้นมาตีเมืองเชียงแสน และได้ทำลายบ้านเมือง เพื่อไม่ต้องการให้พม่าเข้ามายึดครองอีก พร้อมทั้งอพยพผู้คนโดยแบ่งออกเป็น 5 สายคือ  เมืองเชียงใหม่ เมืองลำปาง เมืองน่าน เมืองเวียงจันทร์ และอีกส่วนหนึ่งนำกลับเข้าเมืองหลวง โดยให้ไปตั้งหลักแหล่งอยู่แทนอำเภอเสาไห้ จังหวัดลพบุรี   จังหวัดราชบุรีในปัจจุบัน เมื่อเวลาผ่านไปถึง พ.ศ. 2378 เมื่อบ้านเมืองสงบลง ผู้คนที่เคยถูกกวาดต้อนไปอยู่เมืองเชียงใหม่ จึงออกจากบ้านเกิดเมืองนอนเดิม จึงพร้อมใจกันอพยพกลับมาอยู่และย้ายบ้านเรือนอยู่บริเวณสันทราย ริมแม่น้ำลาว ซึ่งเป็นที่ดอนใกล้แม่น้ำเหมาะแก่การเพาะปลูก ซึ่งตอนนั้นอพยพมาครั้งแรก 3 ครอบครัวต่อมาอพยพติดตาม จนมีผู้คนเข้ามาอยู่มากขึ้นได้ทยอยไปยังจุดอื่นๆ ได้แก่ บ้านป่ากล้วย หนองควาย บ้านร่องก๊อ  บ้านป่าตึง ป่าข่า นับเป็นพื้นที่ตำบลสันทรายในปัจจุบัน (บันทึกประวัติศาสตร์วัดสันทรายหลวง เมื่อปี พ.ศ.2501 โดยพระกัณทาเจ้าอาวาส)
           จากข้อสันนิษฐานที่บันทึกไว้ดังกล่าว พอจะอนุมานทางประวัติศาสตร์ได้ว่า ผู้คนก่อนี่จะถูกกวาดต้อนไปอยู่เมืองเชียงใหม่นั้น เป็นชาวบ้านพื้นแพเดิมที่อยู่ในเมืองเชียงราย เมืองเชียงแสน ซึ่งเป็นคนพื้นเมืองที่อพยพมาอยู่แต่ครั้งอดีต ซึ่งเรียกตัวเองว่า คนไตยวน หรือยวนหรือไตย ผ่านการปกครองมาหลายยุคหลายสมัย จนกระทั่ง พม่าเข้ามายึดครองพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งเป็นเมืองชายขอบของอาณาจักรสยาม พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชการที่ 1 เกรงว่าพม่าจะกลับมายึดครองอีก จึงตีเมืองเชียงแสน และเผาทำลายเมืองอพยพผู้คนไปไว้ตามเมืองที่กล่าวมาข้างต้น ในข้อสันนิษฐานดังกล่าว จึงเป็นไปได้ว่ากลุ่มคนที่มาตั้งรกรากดั่งเดิมของชุมชนสันทราย คือ กลุ่มคนชาวไทยวน หรือคนเมือง คนล้านนา ในปัจจุบันซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมอยู่ใน 8 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อเป็นการอนุรักษ์พื้นฟู ดั่งเดิม กลับมาถ่ายทอดให้คนรุ่นหลังได้รู้จักรากเหง้าของตัวเอง ได้ศึกษาเรียนรู้ผ่านวิถีชีวิตวัฒนธรรม ประเพณีและภูมิปัญญา ที่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบันให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน
           เทศบาลตำบลสันทราย ซึ่งเป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ใกล้ชิดพี่น้องประชาชน เล็งเห็นความสำคัญดังกล่าว จึงได้กำหนดเป็นแผนฟื้นฟูในนโยบายของเทศบาล ประกอบด้วย พื้นที่ตำบลสันทรายอยู่ระหว่างแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย ได้แก่ วัดร่องขุ่นและไร่สิงห์ปาร์ค ในแต่ละปีมีผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพของชุมชนตำบลสันทราย ที่มีประวัติศาสตร์ที่เป็นอัตลักษณ์ของตนเอง มีขนมธรรมเนียมประเพณีและภูมิปัญญา ที่ปฏิบัติสืบทอดมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับพื้นที่ดังกล่าว มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญตั้งอยู่ อาทิ
           สวนรุกขชาติโป่งสลี เป็นสวนป่าอนุรักษ์ที่สมบูรณ์ไปด้วยไม้สักทอง เกือบ 6 พันต้นและเป็นไม้สักที่มีสายพันธุ์ดีอยู่ถึง 324 ต้น รวมถึงต้นไม้สักขนาดใหญ่ที่หาดูได้ยากมีอายุเก่าแก่อีกหลายสิบต้น ทางกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมจึงประกาศให้เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ พร้อมทั้งจังหวัดเชียงราย ได้ประกาศให้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมสวนป่าในเมือง ที่เปิดให้ประชาชนเข้ามาท่องเที่ยว ทำกิจกรรมนันทนาการ ออกกำลังกายพักผ่อนและเป็นแหล่งเรียนรู้ ที่สำคัญด้านทรัพยากรธรรมชาติของจังหวัด นอกจากสวนป่าดังกล่าวพื้นที่ตำบลสันทราย ยังมีแม่น้ำสายสำคัญของจังหวัดไหล่ผ่าน ได้แก่แม่น้ำลาว เป็นเหมือนสายของคนเชียงราย ต้นน้ำมาจากเทือกเขาที่ริมน้ำซึ่งติดกับระหว่างจังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดเชียงรายไหลผ่านมาทางอำเภอ ไหลลงสู่แม่น้ำกก และไหล่ลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแม่น้ำนานาชาติ แม่น้ำลาวไหลผ่านพื้นที่สวนรุกขชาติโป่งสลีจึงเหมาะที่จะปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต
           นอกจากนั้น ตำบลสันทราย ยังมีสถานที่สำคัญที่บ่งบอกถึงเมืองพุทธ อันได้แก่วัดป่ากล้วย ที่ประดิษฐานพระปางประทานพร ซึ่งสร้างมาจากต้นไม้ตะเคียนคูที่มีขนาดใหญ่ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองเชียงราย เพราะผู้คนจะเดินทางเข้าตัวเชียงรายจะต้องผ่านต้นตะเคียนคู่นี้ที่ต้นเด่นเป็นสง่ามาหลายช่วงอายุคน จนเมื่อปี พ.ศ. 2549 ได้เกิดฟ้าผ่าต้นคะเคียนทางทิศตะวันออกตายลง ทางคณะสงฆ์จังหวัดเชียงราย จึงรวมใจของคนเชียงราย ร่วมกันสร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์สืบทอดพระพุทธศาสนา และให้คนเดินทางเข้ามาเมืองเชียงราย ได้เคารพกราบไหว้ เพื่อให้เกิดเป็นศิริมงคล จึงได้แกะสลักสร้างเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร
           นอกจากนั้นก็มีวัดสันทรายหลวง ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกของชุมชนที่ผู้คนอพยพมาครั้งแรก โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2416 เวลาล่วงเลยมา 149 ปีจนมาถึงปี พ.ศ. 2544 ต้นไม้ขนุนขนาดใหญ่อยู่ติดกับอุโบสถ ไม่ทราบว่าใครเป็นคนปลูกและปลูกเมื่อไร โดยสันนิษฐานว่าน่าจะปลูกในเวลาใกล้เคียงกันกับการสร้างวัด เพราะมีต้นขนาดใหญ่และเริ่มจะหมดอายุ กิ่งก้านเริ่มแห้ง ชาวบ้านและคณะกรรมการวัดเกรงว่าจะล้มทับอุโบสถและอันตรายกับผู้เดินทางผ่าน จึงได้ตัดและนำมาแกะสลักสร้างเป็นพุทธรูป ขนาดหน้าตัก 1.42 เมตร สูง 2.44 เมตร และได้ขอประทานจากสมเด็จพระสังฆราชสากลมหาสังฆปรินายก โดยได้รับประธานนามว่า พระพุทธบารมีเฉลิมจักรีบรมราช ซึ่งไม้ขนุนดังกล่าว เป็นความเชื่อของประชาชนโดยทั่วไปว่าไม้ขนุนเป็นไม้หนึ่งในไม้มงคล ซึ่งใครมีโอกาสได้เคารพกราบไหว้ จะเป็นบุญชีวิตและช่วยหนุนนำให้ชีวิตพบแต่ความสุขความเจริญ
           อีกหนึ่งวัดที่เป็นเส้นทางในการเดินทางผ่านเข้ามาออกเมืองเชียงราย คือ วัดโป่งสลี ซึ่งอยู่ติดกับสวนรุกขชาติเป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่ง ความโดดเด่นของวัดนี้ คือ ภาพวาดภายในอุโบสถ ซึ่งวาดโดยศิลปินที่มีชื่อและเป็นภาพวาดที่แตกต่างจากที่อื่นๆ โดยจะเป็นภาพวาดที่ออกในแนววิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชุมชนในช่วงเทศกาลต่างๆ ซึ่งกลุ่มศิลปิน จิตรกรรม จากสภาพและสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่ วิถีชีวิต ทางศิลปะประเพณีวัฒนธรรม ภูมิปัญญาของท้องถิ่น อันได้แก่ ผ้าทอสันทราย เป็นแหล่งทอผ้าที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเชียงราย เครื่องปั้นดินเผา ยังคงเป็นงานศิลปะ ดังเดิมที่คงอยู่ เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป นอกจากนั้นวิถีประเพณีที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตอาทิ ด้านอาหาร เครื่องใช้ ศิลปะการแสดง วัฒนธรรมประเพณีวันสำคัญต่าง ๆ ยังคงอยู่ปฏิบัติสืบทอดกันมาทุกปี วิถีคนเมืองหรือคนล้านนา หรือคนไทยวน
            ด้วยบริบทของท้องถิ่น ที่สามารถนำมาหล่อหลอม ให้เป็นจุดขาย เพื่อนำวิถีบ้าน วิถีธรรมชาติ มาสร้างคุณภาพชีวิตให้ชุมชนตำบลสันทราย มีเศรษฐกิจดี มีชุมชนเข้มแข็งมีการพัฒนาที่ยั่งยืนตลอดไป